เมื่อวันที่ ๙ –๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีการจัด “มหกรรม OTOP ศรีสะเกษ” บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ
ซึ่งงานนี้ มี นายกานต์ ธงศรี พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นแม่งานในการจัดงานในครั้งนี้ ภายในงานแน่นอนว่า เป็นการรวบรวม คัดเลือก
สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่มีความโดดเด่น จากทุกอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนั้นยังเป็นการผนวกรวมกิจกรรม
นิทรรศการโครงการ ๓๕๖ วัน ศรีสะเกษ พัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
มานำเสนอผลงานการทำงานในพื้นที่ ให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมความสำเร็จอีกด้วย
ผมมีโอกาสได้เยี่ยมชม
งานในครั้งนี้ด้วย ได้เยี่ยมชมสินค้า OTOP
ของแต่ละแห่งที่นำมาเสนอ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยผมไปสะดุดสายตาที่ บูธนิทรรศการกลุ่ม
ที่เสนอว่า KBO แรก
ๆ ผมก็งง พอสมควรกับคำว่า KBO ถึงแม้จะเป็นเนื้องานที่พัฒนาชุมชน หน่วยงานต้นสังกัดรับผิดชอบ
แต่ด้วยความที่ ผมไม่ได้จับงานทางนี้ มาก่อน
ก็ยากที่เข้าใจ นายวสันต์ ชิงชนะ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ ได้ขยายความให้ฟังว่า “KBO (Knowledge – Based OTOP : KBO) คือ การส่งเสริมให้เครือข่ายองค์ความรู้
KBO เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตชุมชนในการประกอบการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
โดยมีภาคีองค์ความรู้จากภายนอกเข้ามาหนุนงานของ ผู้ผลิตผู้ประกอบการ ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านรูปแบบ ด้านบรรจุภัณฑ์
ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อการเพิ่มมูลค่าให้มีโอกาสทางการตลาดมากขึ้น ซึ่งที่จังหวัดศรีสะเกษ
ก็จะเป็นการร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ ”
นิทรรศการการจัดแสดงของเครือข่าย KBO ในงานนี้ที่ผมสนใจ
คือกลุ่มทอผ้าไหมแม่บ้านเกษตรกรบ้านทุ่งไชย หมู่ที่ ๓
ตำบลทุ่งไชย อำเภออุทุมพรพิสัย
จังหวัดศรีสะเกษ
ที่นิทรรศการของกลุ่มนี้
เสนอการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมลายลูกแก้ว หรือผ้าเก็บย้อมมะเกลือ
ที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษ ที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่น จนถึงปัจจุบัน
แต่เมื่อกลุ่มเข้ากระบวนการ KBO ที่สนับสนุนโดย
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ
ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ
จึงได้นำพากลุ่มเปิดมุมมองในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปสู่มิติใหม่ที่มีความ โดดเด่น ทันสมัย โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนา
ได้มา ๒
ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผ้าสไบคลุมไหล
ที่นำผ้าลายลูกแก้วย้อมมะเกลือแบบดั้งเดิม มามัดย้อม เป็นลวดลายต่าง ๆ ที่สวย แปลกตา
และปักแซว ให้มีความสวยงาม กำหนดราคาขายที่ผืนละ ๒,๕๐๐
บาท ซึ่งเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์
แบบฉีกกรอบ แนวคิดแบบเดิม ๆ
ต่อยอดให้ชาวบ้านมีมุมมองที่หลากหลายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์
คือ การนำผ้าลายลูกแก้วมามัดย้อม และแปรรูปเป็นกระเป๋าถือจากผ้าไหม
ที่มีคุณค่ามีความสวยงาม เหมาะสมกับสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มีใจรักและเห็นคุณค่า
ของผ้าไหมทอมือ ที่แสนจะปราณีต
สนนราคาใบละ ๓,๐๐๐ -
๔,๕๐๐ บาท เรียกว่า
เป็นสินค้าผลิตภัณฑ์ทอมือที่โดดเด่นอีกชนิดหนึ่ง
แม่อรพินท์
ศรีบาง ประธานกลุ่ม กล่าว ถึงความรู้สึกที่ได้ผ่านกระบวนการ KBO เป็นเรื่องที่ดี ที่มีโอกาส
ได้ใช้ความรู้ชุมชนท้องถิ่นแบบดั้งเดิม
มาผสมผสาน กับความรู้สมัยใหม่ จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีความน่าสนใจ
ซึ่งเมื่อลงมือพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว มีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ยากเพราะเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ และลงมือทำ เมื่อกลุ่มนำผลิตภัณฑ์นี้ ไปจัดแสดงในงานต่าง
ๆ ก็จะมีผู้ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ ทั้ง ๒
ชิ้นนี้ และสั่งจองให้ผลิตสินค้าให้
อยู่อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจ
อยากเรียนรู้ กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยกระบวนการKBO
(Knowledge – Based OTOP : KBO) ท่านสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนทุกอำเภอ
ซึ่งจะมีพัฒนากร คอยให้ข้อมูลและเรียนรู้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นไปพร้อม ๆ
กับท่าน หรือ
ท่านใดสนใจผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ
สามารถติดต่อได้ที่ แม่อรพินท์ ศรีบาง ประธานกลุ่ม เบอร์โทรศัพท์ ๐๙๓๔๑๗๙๐๕๕ ครับ.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น