ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2017

สร้างพลังชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชนน่าอยู่ ที่บ้านหนองเชียงทูนใต้

สร้างพลังชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชนน่าอยู่ ที่บ้านหนองเชียงทูนใต้           บ้านหนองเชียงทูนใต้ หมู่ที่ ๑๕  ตำบลหนองเชียงทูน  อำเภอปรางค์กู่   จังหวัดศรีสะเกษ  เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เป็นบ้านแฝด มีอยู่ ๒ หมู่บ้านตามเขตการปกครอง ขนาดครัวเรือน จำนวน  ๑๑๙  ครัวเรือน ที่นี่ผู้นำชุมชน และพี่น้องในหมู่บ้านแห่งนี้   ลุกขึ้นมาสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ ผู้เขียนในฐานะอดีตพัฒนากรผู้รับผิดชอบตำบลนี้ (ปัจจุบันย้ายไปทำงานที่อำเภออื่นแล้ว) เคยเข้ามาร่วมกิจกรรมกับชุมชนแห่งนี้มาค่อนข้างบ่อย แต่ในสายตาคนนอก โดยเฉพาะคนทำงานภาครัฐกลับมองไม่เห็นศักยภาพของชุมชนแห่งนี้เลย             ปีนี้ผู้เขียน ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกับชุมชนแห่งนี้อีกครั้ง ในหลายครั้งที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมกับชุมชน จะมองเห็นถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือกันพัฒนาหมู่บ้านให้มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น วงคุยเล็ก ๆ ของชุมชน ที่เรียกกันว่า สภาผู้นำชุมชนบ้านหนองเชียงทูนใต้ ภายใต้โครงการชุมชนน่าอยู่ สนับสนุนโดยกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ถูกพัฒนาและก่อตัวขึ้นจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน จากทุกภาคส่ว

คำกล่าวตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้

คำกล่าวรายงานในพิธีเปิด ตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ...................................... เรียน   นายธวัช   สุวรรณ    นายอำเภอห้วยทับทัน ประธานในพิธีเปิดตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ            ดิฉัน นางสุขใจ   จินดาพล    พัฒนาการอำเภอห้วยทับทัน   ในนามคณะกรรมการตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ     การจัดงานตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ให้ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน   เป็นประเทศพัฒนา ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาในด้านการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างโอกาสให้ทุกคนในสังคมเข้าถึงทรัพยากร แหล่งทุนในการประกอบอาชีพ   ประกอบกับนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่   ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการตลาดชุมชน เพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้ร้อยในชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการที่เดือนร้อนจากการไม่มีสถานที่จำหน่าย ได้ม

ตลาดประชารัฐสัมมาชีพชุมชน

ตลาดประชารัฐสัมมาชีพชุมชน                 เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖๐ อำเภอห้วยทับทัน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอห้วยทับทัน ร่วมกับ โครงการชุดวิจัยการสร้างสัมมาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน   สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น   สภาวัฒนธรรมตำบลห้วยยาง องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองหลวง ชาวตำบลเมืองหลวง พี่น้องชาวห้วยยาง ตำบลเมืองหลวง ร่วมกันจัดงานตลาดประชารัฐสัมมาชีพชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนร่วม นำสินค้าชุมชน มาจัดแสดงและจำหน่าย ในงาน ซึ่งได้ผนวกเข้ากับประเพณีลอยกระทงและการแข่งขันเรือยาว ของชาววัดห้วยยาง ตำบลเมืองหลวง อันเป็นงานประเพณีที่ชุมชนร่วมกันจัดงานสืบทอดกันมาเป็นประจำทุกๆ ปี     การจัดงานครั้งนี้ จึงถือเป็นการเตรียมการเพื่อทดสอบแนวทางในการเตรียมเปิดตลาดประชารัฐของอำเภอห้วยทับทันอีกด้วย   ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก   คณะรัฐมนตรี(ครม.)    มีมติเมื่อวันที่    17 ตุลาคม 2560 ว่าได้ อนุมัติงบประมาณปี 2561-2562 จำนวน 562 ล้านบาท ดำเนินโครงการ “ตลาดประชารัฐไทยช่วยไทย” 6,447 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้มีพื้นที่การตลาดใหม่ ขยายพื้นที่ตลาดเดิม ส่งเสริมผู้ป

สรุปผลตลาดสัมมาชีพชุมชน

ตลาดสัมมาชีพชุมชน ทำไมต้องทำตลาดสัมมาชีพ            ในวาระที่ พวกเราร่วมกันขับเคลื่อนงานในพื้นที่ร่วมกัน เป็นเครือข่ายเป็นพี่น้องผองเพื่อนที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กันมา เป็นกัลป์ญาณมิตรในแวดวงนักพัฒนา ปีนี้พวกเราจึงร่วมกันพัฒนาโจทย์วิจัย กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ โดยพัฒนาโครงการชุดวิจัยการสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาชีพชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ในพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ และอำเภอห้วยทับทันจังหวัดศรีสะเกษ   รวมกันทั้งสิ้น   ๕   โครงการ/พื้นที่ ทางด้านอำเภอปรางค์กู่ จำนวน ๓ พื้นที่ และห้วยทับทัน   ๒   พื้นที่   โครงการนี้ จึงเน้น ที่การสร้างการเรียนรู้เพื่อให้ชุมชนเกิดการสร้างงานสร้างรายได้   ดังนั้นการกำเนิดตลาดสัมมาชีพชุมชน จึงเกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการสร้างรายได้ให้ชุมชน   ตลาดสัมมาชีพจึงมีฐานะเป็นเครื่องมือหนึ่งของทีมวิจัยชุดสัมมาชีพที่จะเรียนรู้ด้วยกัน    ทำการตลาดด้วยกัน   ทำการผลิตด้วยกัน   ทำงานจัดการด้วยกันไป   ตลอดระยะเวลา   ๑๕   เดือนที่ทีมวิจัยได้รับทุนวิจัย นี้               อีกประการหนึ่ง ในขณะนี้รัฐบาล ได้มีม