ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การทำนาโยน ครั้งแรกในชีวิต

วันนี้ มีสหายท่าน หนึ่ง ได้มา ไถ่ถาม ถึงกระบวนการทำนาโยน ว่าทำอย่างไรบ้าง ซึ่งท่านเอง ก็สนใจอยากทดลอง ทำนา โยน บ้าง สิ่งนี้ จึงเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ ผม มีความรู้สึก อยากจัดระบบ ความรู้ เรื่องวิธีการทำนา โยน และขั้นตอน ต่าง ๆ ตามประสบการณ์ที่ผมเคยลงมือทำ 


ซึ่งต้องยอมรับว่า การทำนาโยนครั้งแรกในชีวิต มันอยู่ที่ใจอยู่ที่การตัดสินใจ ของเราว่ากล้า ที่จะลอง  สิ่งใหม่ ๆ หรือไม่  และในกระบวนการตัดสินใจ ที่ว่านั้น  ระบบข้อมูล  นับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ถ้าข้อมูลเพียงพอ  ก็  จะทำให้เราสบายใจ  และกล้าลงมือ   ทำ   จริงมั้ยครับ  

สำหรับอุปกรณ์ในการทำนาโยน นั้น ประกอบด้วย  

(๑) ถาดเพาะกล้านาโยน ซึ่งมีร้านจำหน่ายถาดเพาะกล้าชนิดนี้ ปกติ จะมีหลุมเพาะจำนวน  ๔๓๔  หลุม  
(๒) ดินสำหรับเพาะกล้า  เป็นดินที่ร่อน ละเอียด ไม่จับเป็นก้อน ส่วนใหญ่ นิยมใช้ดินเหนียว เพราะจะช่วยให้ดินจับกันเป็นตุ้มดิน และนำกล้าออกจากถาด  ได้ง่าย  
(๓) ปุ๋ยขี้วัว  ขี้ควาย  ที่ผ่านการร่อน  อย่างดี   
(๔) พันธุ์ข้าว  ที่เราแช่น้ำ  บ่มไว้จน  รากงอก  


ในขั้นตอน  นี้ การเตรียมกล้านาโยน  ส่วนใหญ่  สำหรับคนที่มีทุน  มีเงินทุนมาก  ก็สามารถซื้อเครื่องมือในการอำนวยความสะดวก  ได้  แต่ผมเอง  ไม่มีเงินทุน  จึงใช้ระบบวิธีแบบธรรมชาติ   วิถีบ้าน ๆ  วิถีชุมชน   ตามแบบฉบับของตนเอง  

เมื่อเราเตรียม  อุปกรณ์  ในลำดับที่  ๑  -๔  เรียบร้อย  แล้ว  ก็เป้นขั้นของการ  เพาะกล้าในถาด  ซึ่งขั้นตอนนี้  มีความยุ่งยาก เพราะต้องเตรียมกล้าจำนวน  มาก  ปีที่แล้ว  ผมทำนา โยน  จำนวน  ๓  ไร่  ต้องใช้  กล้า  เยอะพอสมควร     แต่อย่างไร  ก็ตาม   ผมได้ค้นคว้า   ข้อมูล  ถึงวิธีการเพาะกล้า  แบบง่าย  ที่มี  ผู้ที่ลงมือ  ปฏิบัติในด้านนี้  จนมองเห็น   ปัญหา และข้อจำกัด   จนสามารถค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับ  เขาเอง  ผมจึงไปหามาอ่าน   และทดลอง  ปฏิบัติ  ตาม   ซึ่ง  มีสูตรเด็ดเคล็ดลับ  ดังนี้  

(๑)  นำดินทีร่อน   ละเอียด  ชั่งตวงวัด  ให้ได้  จำนวน   ๑๐  กิโลกรัม
(๒)  ปุ๋ยคอก ที่ร่อนละเอียด   ๒   กิโลกรัม  
(๓)   ข้าวพันธุ์  จำนวน    ๑  กิโลกรัม  


นำ  ข้อ  ๑  -  ๓   มาเทใส่พาชนะ  คลุกเคล้าให้เข้ากัน  จนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน   แล้วนำไปปาด  หรือเทใส่  ถาดเพาะกล้านาโยน   ในการทำ  ใน  ๑  รอบ  จะบรรจุลงในพาชนะ ต้นกล้านาโยน  ได้ประมาณ   ๑๐  -๑๑   ถาด  โดยประมาณ   แบบนี้  เอง  ก็เป็น กระบวนการหนึ่งที่ทำได้  ง่ายประหยัดเวลา

ปีที่แล้ว  ผมใช้เวลาเพาะกล้านาโยน  เพียง  ๔-๕  ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้น  ผมได้ เพาะต้นกล้า  นาโยน  ได้มากถึง  ๑๗๐  ถาด 
ถาดหนึ่งมี  ๔๓๔  หลุด   ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำนาในพื้นที่ ๓   ไร่    เมื่อดำเนินการขั้นตอนนี้เสร็จ  ให้นำถาดไปจัดเรียงในพื้นที่  ที่เราเตรียมไว้  ให้วางไว้กลางแจ้ง เพื่อให้ต้นข้าวแข็งแรง  รองรับสภาพภูมิอากาศได้ดี   เมื่อจัดเรียงเรียบร้อย  ให้นำผ้าสแลน  ปกคลุม  ถาดเพาะไว้   เพื่อ ให้เวลารดน้ำหน้าดินในถาด  จะได้ไม่กระจายตัว  เมื่อ  ต้นกล้างอกโผล่ขึ้นมาพ้นผ้าสแลน  ค่อย ๆ  ดึงผ้าออก  และรดน้ำตามปกติ   ทุกวันเช้า -เย็น จนต้นกล้า อายุ  ครับ  ๑๕   วันก็สามารถนำไป  โยนลงแปลงนาได้    



วันนี้   ขอบันทึกประสบการณ์  ในขั้นตอน  การเพราะกล้านาโยนการดูแลรักษา  เพียงเท่านี้  เดี่ยวโอกาส  หน้า  ค่อยมาว่ากันเรื่องอื่น ๆ  ต่อไป ครับ 

(๑)ลิ้งร้านจำหน่ายถาดเพาะข้าวนาโยน

(๒)ลิ้งบทเรียนการทำนาโยน 



(๓)บันทึกพัฒนากรทำนา

   





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำกล่าวตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้

คำกล่าวรายงานในพิธีเปิด ตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ...................................... เรียน   นายธวัช   สุวรรณ    นายอำเภอห้วยทับทัน ประธานในพิธีเปิดตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ            ดิฉัน นางสุขใจ   จินดาพล    พัฒนาการอำเภอห้วยทับทัน   ในนามคณะกรรมการตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ     การจัดงานตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้มได้ ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ให้ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน   เป็นประเทศพัฒนา ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาในด้านการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างโอกาสให้ทุกคนในสังคมเข้าถึงทรัพยากร แหล่งทุนในการประกอบอาชีพ   ประกอบกับนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่   ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการตลาดชุมชน เพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้ร้อยในชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการที่เดือนร้อนจากการไม่มีสถานที่จำหน่าย ได้ม

ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง อัตลักษณ์ทางภูมิปัญญาของชุมชน

ในฐานะนักพัฒนา ที่คลุกคลีกับชุมชนหมู่บ้าน ตามเนื้องานที่ทำอยู่ หากให้กล่าวถึงหมู่บ้านที่มีความโดดเด่นทางภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมชุมชน และอัตลักษณ์ชุมชนที่โดดเด่น แน่นอนว่า บ้านเมืองหลวงคือหนึ่งในหมู่บ้านที่มี ความครบถ้วน และโดดเด่น ผมทำงานร่วมกับชุมชนบ้านเมืองหลวงมาระยะหนึ่ง และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้ามาขับเคลื่อนกับแกนนำชุมชนที่นี่   ใครมาที่นี่อาจหลงเสน่ห์บ้านเมืองหลวง ได้ง่ายๆ บ้านเมืองหลวงเป็นชุมชนเก่าแก่ ที่มีความเป็นมา มีฐานะทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน   มีร่องรอยอารยธรรมโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ เช่น การมีคูคลองล้อมรอบชุมชน ตามแบบฉบับชุมชนโบราณ การมีหอระฆังที่ก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่คนในชุมชนมีความภาคภูมิใจร่วมกัน            การทอผ้าไหมก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ผู้คนที่นี่ ได้สืบสานสืบทอดภูมิปัญญา การทอผ้าไหมจากรุ่นสู่รุ่น แต่ละครัวเรือน เริ่มกระบวนการตั้งแต่ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนถึงการได้เส้นไหมพื้นบ้านที่มี ที่มีคุณสมบัติแห่งความเงางามและนุ่มน่าสวมใส่ ผ่านกระบวนการผลิตที่ทอด้วยมือ ด้วยภูมิปัญญา กว่าจะได้ผืนผ้ามาสักผืน ผู้ทอต้องมีน้ำอดน้ำทน ทำงานด้