การจัดการหนี้สินครัวเรือน
กล่าวถึงปัญหาหนี้สินในชนบท
เป็นปัญหาหนักอกของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง นับวันหนี้สินจะเพิ่มพูนงอกเงยขึ้น
พิจารณาถึงสาเหตุของการเป็นหนี้ นั้น
แต่ละครอบครัวอาจมีที่มาของมูลหนี้ที่แตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับสภาพและบริบทที่ครัวเรือนเป็นอยู่ ในมุมมองของผู้เขียน เห็นว่าสภาพหนี้สินและวิถีการจัดการหนี้สินเข้าข่ายที่น่าเป็นห่วงและกังวลยิ่งนัก
หมู่บ้านในชนบทไทย
ในวันนี้ มีองค์กรทางการเงินชุมชนขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนจำนวนไม่น้อย
ที่มาขององค์กรการเงินขนาดเล็กเหล่านี้ เกิดขึ้นใน ๒ ลักษณะ
ทั้งที่เป็นองค์กรจัดตั้งโดยรัฐ และองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวกันของภาคประชาชนในพื้นที่
องค์กรทางการเงินเหล่านี้ ส่วนมากเป็นกองทุนหมุนเวียน
ที่ส่งเสริมเรื่องราวการออมเงิน การกู้ยืมเงิน และการนำเงินกู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเอง
ท้ายที่สุดองค์กรเหล่านี้เองที่เป็นเจ้าหนี้ของชาวบ้านในพื้นที่
นี่ยังไม่นับรวมถึงเจ้าหนี้รายใหญ่ ที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ รวมถึงหนี้สินนอกระบบอีกต่างหาก
ถ้าพิจารณาในแง่ปริมาณของเม็ดเงินเงินหมุนเวียนในชุมชน
กองทุนหมู่บ้านมีเงินที่ปล่อยกู้ไปเป็นพื้นฐานหมู่บ้านละ ๒.๒ ล้านบาท
บางแห่งไปขอกู้เพิ่มจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ได้อีกกองทุนละ
๑ ล้านบาท แล้งยังมีเงินที่รัฐบาลให้กู้ยืมเพิ่มเติมอีกหมู่บ้านละ ๑
ล้านบาท กองทุนแก้ไขปัญหาความยากจน(กข.คจ.) ๒.๘ แสน/หมู่บ้าน
กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตำบลละประมาณ ๕
แสนบาท เป็นต้น ในฐานะที่ผู้เขียนคลุกคลีอยู่กับงานภาคสนาม
จึงเห็นถึงสภาพการจัดการหนี้สินครัวเรือน เมื่อถึงรอบการชำระแต่ละปี จึงเป็นภาระที่ยากยิ่ง
บางพื้นที่มีนายทุนมาตั้งโต๊ะปล่อยกู้ ให้แก่คณะกรรมการกองทุนต่างๆ
ในอัตราดอกเบี้ยมหาโหด ปล่อยกู้ไปเพียงไม่กี่วัน คณะกรรมการกู้หมุนเงินจากกองทุนกลับคืนมาให้ นายทุนเหล่านี้ ไม่มีความเสี่ยงแถมได้กำไรงาม
ชาวบ้านก็สมัครใจเพราะถือว่าได้แก้ไขปัญหาหนี้สิน
ให้พ้นตัวไปในแต่ละปี
สภาพปัญหาและสถานการณ์เหล่านี้เอง
จึงเป็นที่มาของ แนวคิดการจัดการหนี้สินครัวเรือน ตามแนวทางหนึ่งครัวเรือนหนึ่งสัญญา
ที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดแนวทางให้มีการดำเนินการขับเคลื่อนงาน
โดยเจาะจงไปที่การจัดการหนี้สินที่เกิดจาก
องค์กรการเงินชุมชนขนาดเล็กเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนเอง
มีโอกาสไปจัดเวทีเรียนรู้ร่วมกับชุมชน โดยเริ่มต้นจากการนำข้อมูลสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนที่ผู้นำชุมชน
ร่วมกับผู้นำกลุ่มองค์กรทางการเงิน จัดเก็บข้อมูลมา วิเคราะห์ ให้เห็นสภาพความเป็นจริง พบว่า
หนี้สินที่มีอยู่ อยู่ระหว่าง ๖,๐๐๐ -
๑๒๐,๐๐๐ บาท
แต่ละครัวเรือนมีแหล่งหนี้สิน อยู่ ๒-๓
แห่ง ระยะเวลาการชำระ อยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม ,มกราคม ,กุมภาพันธ์
ของทุกปี ซึ่งจะเห็นว่า
ในช่วงปลายปีเป็นช่วงปิดงบดุลขององค์กรทางการเงินชุมชน ทุกครัวเรือนต้องนำเงินต้น
พร้อมดอกเบี้ย มาส่งชำระในห้วงนี้
ซึ่งบางสัญญา ก็ต้องส่งพร้อมๆ กัน เมื่อเคลียร์หนี้สินก้อนนี้ เสร็จเรียบร้อย ก็จะทยอยไปจัดการหนี้สินขนาดใหญ่ของเกษตรกร คือหนี้สินกับทางธนาคารต่าง ๆ
ในราวเดือนมีนาคมของทุกปี
จากข้อมูลที่มีอยู่
และเวทีการพูดคุย จะเห็นว่า ส่วนมาก ผู้นำชุมชนจะเห็นด้วยว่า
ควรยุบรวมสัญญาเงินกู้จากองค์กรการเงินชุมชนขนาดเล็กให้เหลือ ๑
สัญญา ซึ่งเป็นการจัดการหนี้สินในลักษณะลดภาระหนี้สินของครัวเรือน
แต่เป็นหมุดหมายหนึ่ง ที่อย่างน้อยกลุ่มเป้าหมายก็ได้มาทบทวนหนี้สินของตัวเอง
ในอนาคตอาจจะมีรูปแบบการจัดการ แผนพัฒนาชีวิต เพื่อปลดหนี้สินกันต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น