ในชีวิตการทำงานนักพัฒนาภาครัฐ ที่มีชื่อย่อเรียกว่า พัฒนากร
เรามีเครื่องมือการทำงานชุมชน กันอย่างหลากหลาย มากมายที่กรมการพัฒนาชุมชน
ลงทุนอบรมสร้างความรู้
ติดอาวุธทางปัญญาให้ ก่อนลงไปทำงานจริงกับพื้นที่ ราวปี พ.ศ.๒๕๔๙ ผมจำได้ว่า กรมการพัฒนาชุมชน คิดหลักสูตรนักพัฒนามืออาชีพ
ให้พัฒนากรไปเรียนรู้ ในหลักสูตรระยะยาว
ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ ผ่านการปฏิบัติ เนื้อหาสำคัญในหลักสูตร คือการเรียนรู้
แนวคิด
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของชุมชน (Par) ในช่วงหลังมักเรียกขานกันว่า
งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น(CBR) ในปัจจุบัน
พี่ทวีศักดิ์ บัวพร
นักวิจัยท้องถิ่น บ้านห้วยยาง ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน
นักวิจัยท้องถิ่น บ้านห้วยยาง ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน
นายแสง สีตะวัน ผู้ใหญ่บ้านหนองเชียงทูน นักวิจัยท้องถิ่น
นำน้องเยาวชน ทำวิจัยท้องถิ่น
นำน้องเยาวชน ทำวิจัยท้องถิ่น
นับตั้งแต่นั้นมา
ผมก็วนเวียน กับการใช้เครื่องมือชิ้นนี้ กับการทำงานชุมชน เสมอมา
จนกระทั่งปัจจุบัน ถ้านับฐานข้อมูลสาระบบการวิจัย
ที่ผมร่วมขับเคลื่อนกับชุมชน
ทั้งในฐานะ นักวิจัยร่วม หัวหน้าโครงการวิจัย หัวหน้าชุดโครงการวิจัย ผมรับทุนวิจัยจาก กองทุนสนับสนุนการวิจัย
ฝ่ายการวิจัยเพื่อท้องถิ่น มาทำงานกับพื้นที่
เกือบ ๑๐ พื้นที่
เกิด ผลผลิต ผลลัพธ์
และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชุมชน มากมาย
ทั้งนักวิจัยชาวบ้าน
ที่มีความรู้ ทักษะ มีทัศคติที่ดีต่อการทำงานเพื่อชุมชน เกิดพื้นที่ต้นแบบ พื้นที่รูปธรรมในประเด็นต่าง
ๆ ที่สามารถศึกษาดูงานได้
มีรูปแบบการจัดการชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองอย่างหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องมือ งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น นั้น
มีประโยชน์ต่อชุมชน เพราะชุมชน
หรือชาวบ้าน ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ก็มีศักยภาพเพียงพอ
ที่จะบริหารจัดการวิจัยในแบบฉบับงานวิจัยไทบ้านได้ งานวิจัยไทบ้าน สร้างชาวบ้าน
ให้เป็นคนเก่ง เป็นคนที่รู้รากเหง้า อัตลักษณ์ของชุมชนเอง และเกิดความภาคภูมิใจ
ในความเป็นชุมชนท้องถิ่น
บางพื้นที่สามารถขยับงาน และข้อค้นพบจากการวิจัย สู่การเกิดนโยบายสาธารณะ ในระดับต่างๆ ได้อย่างดี และเกิดคุณูปการต่อสังคมไทย อย่างมากมาย
จากข่าวสารบ้านเมือง ที่กำลังเกิดขึ้น พบว่า
ตามที่ได้ทราบจากถ้อยแถลงของ รมว. กระทรวงวิทย์ฯว่า ครม.
มีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ซึ่งเป็นไปตามร่าง พรบ.ดังกล่าว โดยจะนำส่วนราชการในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
สนง.คกก.อุดมศึกษา คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) รวมเข้าไว้ด้วยกัน
เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติ ซึ่งจะสามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
หรือการเตรียมความพร้อมประเทศเข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ตามแนวนโยบาย Thailand ๔.๐
และกำลังจะนำเรื่องนี้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ความห่วงกังวล
ก็คือ “
งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น” อาจหายไปจากสาระบบวิจัย
การควบรวมเป็นกระทรวงฯจะทำให้เป้าหมายและระบบการสนับสนุนการวิจัยเพื่อคนเล็กคนน้อย(CBR)เปลี่ยนไป ส่งผลการเข้าถึงแหล่งสนับสนุนองค์ความรู้ในการพัฒนาหมู่บ้าน
และชุมชนท้องถิ่น
ผมในฐานะ นักวิจัยเพื่อท้องถิ่น คนหนึ่งที่เคยมีส่วนร่วมกับการวิจัยท้องถิ่น และใช้เครื่องมือ CBR ตลอดระยะเวลา ๑ ทศวรรษ ที่ทำงานด้านการพัฒนาชุมชน ขอเป็นอีกเสียง ที่ สนับสนุน ให้ชาวบ้าน นักวิจัยไทบ้าน มีพื้นที่ในการทำงาน และให้งานวิจัยชาวบ้านอยู่คู่กับชาวบ้าน ให้คนตัวเล็กตัวน้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนวิจัย เป็นวิจัยไทบ้าน โดยไทบ้าน เพื่อไทบ้าน เป็นงานวิจัยกินได้ ไม่ใช่งานวิจัยขึ้นหิ้ง
ผมในฐานะ นักวิจัยเพื่อท้องถิ่น คนหนึ่งที่เคยมีส่วนร่วมกับการวิจัยท้องถิ่น และใช้เครื่องมือ CBR ตลอดระยะเวลา ๑ ทศวรรษ ที่ทำงานด้านการพัฒนาชุมชน ขอเป็นอีกเสียง ที่ สนับสนุน ให้ชาวบ้าน นักวิจัยไทบ้าน มีพื้นที่ในการทำงาน และให้งานวิจัยชาวบ้านอยู่คู่กับชาวบ้าน ให้คนตัวเล็กตัวน้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนวิจัย เป็นวิจัยไทบ้าน โดยไทบ้าน เพื่อไทบ้าน เป็นงานวิจัยกินได้ ไม่ใช่งานวิจัยขึ้นหิ้ง
นายศราวุฒิ ยงกุล นักวิจัยท้องถิ่น
บ้านหนองสะมอน ตำลเมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน
บ้านหนองสะมอน ตำลเมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน
น่าสนใจมากครับ ไม่ว่ากระทรวงอุดมศึกษาและวิจัยจะเป็นอย่างไรก็ขอให้กำลังใจนะครับ กระบวนการได้มาซึ่งความรู้ที่เกิดจากการตั้งคำถามในการศึกษาหาความรู้และการสร้างระบบระเบียบและวิธีวิจัยที่อาจารย์ฝังไว้ให้กับชุมชนเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ดัดแปลงให้นำมาสู่การเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือให้คนภายนอกเข้ามาใช้ชีวิตในพื้นที่เลยคัรบ ส่วนตัวก็กำลังตื่นตัวกับการระเบิดจากข้างในออกไปสู่ภายนอก และกำลังดำเนินการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอยู่ครับ ชื่นชมวิจัยไทบ้านสู่การพัฒนาเพื่อการพึ่งตนเองครับ
ตอบลบ