วัดนาครินทร์
:
ที่พึ่งทางใจของชุมชน
วัดนาครินทร์ เป็นชื่อวัดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านขี้นาค
อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ มี พระครูวรรณสารโสภณ รองเจ้าคณะอำเภอปรางค์กู่ เป็นเจ้าอาวาส องค์ปัจจุบัน หากกล่าวถึงวัด สาธุชนทั้งหลาย มักจะมอง
ว่า วัด คือคำเรียก สถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนาของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ในประเทศไทย, กัมพูชา และลาว ภายในวัดจะมี กุฏิ ซึ่งใช้เป็นเป็นที่อาศัยของนักบวชในศาสนาพุทธซึ่งก็คือ พระสงฆ์ อีกทั้งยังมีเจดีย์ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ ซึ่งใช้สำหรับประกอบศาสนพิธีต่างๆ เช่น การเวียนเทียน การสวดมนต์ การทำสมาธิ
วัดนาครินทร์ที่ข้าพเจ้าสัมผัสนั้น วันนี้ได้ยกระดับขึ้นเป็นวัด
อันเป็นพี่พึ่งของประชาชน อย่างแท้จริง
ไม่เพียงเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่ญาติโยม ในพื้นที่บริเวณการให้บริการเท่านั้น แต่ ยังขยายแนวคิดสู่ชุมชนรอบๆอีกด้วย
ด้วยแนวคิดของ
หลวงพ่อที่ท่านให้ความสำคัญกับการศึกษา ท่านจึงพยายามส่งเสริมการเล่าเรียนของลูกศิษย์ลูกหา ให้ได้เรียนตามความสนใจ
และตามศักยภาพที่แต่ละคนมี
เมื่อหลายสิบปีก่อน หลวงพ่อได้ส่งเสริมให้ลูกศิษย์ได้เรียน
จนสำเร็จเปรียญธรรมประโยค ๘-๙
ในการศึกษาทางโลกมีลูกศิษย์ของท่านสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา และส่งต่อการเรียนรู้จากรุ่นสู่กระทั่งปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังได้จัดทำกองทุนส่งเสริมการศึกษา
โดยในช่วงวันเข้าพรรษาของทุกปี
หลวงพ่อจะมีการมอบทุนการศึกษา แก่ นักเรียนนักศึกษา ธรรมะศึกษา
เป็นประจำทุกปี ๆ ละ มากกว่า ๓๐๐
ทุน ซึ่งนับว่า เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์มองโลกมองการณ์ไกล
และให้ทานที่ประเสริฐที่สุด
คือการให้ วิทยาทาน
ให้ความรู้แก่มนุษย์ ให้คิดได้คิดเป็น
ทางด้านโลก
หรือความสัมพันธ์ต่อชุมชน หลวงพ่อ
ได้ สร้างกิจกรรมสำคัญในการที่จะเข้าไปสนับสนุนให้ชุมชนพึ่งตนเอง
เมื่อหลายปีก่อน วัดนาครินทร์ ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมที่ส่งผลด้านบวกต่อชุมชน
คือการร่วมกัน ระหว่างชุมชนกับวัด
ในการพัฒนา งานศพพอเพียงไม่เลี้ยงเหล้า ปลอดการพนัน โดยชุมชนนำไปถือปฏิบัติ ซึ่งสามารถลดรายจ่าย
ให้เจ้าภาพงานศพแต่ละงาน ได้เป็นอย่างดี ในระยะหลังทางวัดจึงได้ต่อยอดกิจกรรม โดย
พัฒนาระบบการให้บริการในงานศพแบบครบวงจร
เช่น การบริหารโลงเย็น
เครื่องเสียง เต็นท์ ตะเก้าอี้
ระบบไฟต่าง ๆ ดอกไม้จันทน์ เรียกได้ว่าที่วัดนาครินทร์ มีให้บริการแบบครบวงจร จบที่นี่ที่เดียว ผลการดำเนินงานในระยะหลายปีที่ผ่านมา
นับว่าทางวัดได้แบ่งเบาภาระของทางชุมชนลงไปอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต
ที่เจ้าภาพงานศพต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย
ต่างๆ มากมาย
งานศพในอดีตอาจเข้าสุษาภิตที่เคยกล่าวไว้ว่า
“คนตายขายคนเป็น” ในพื้นที่เขตบริการวัดนาครินทร์ ได้ก้าวข้ามจุดนั้นมาได้แล้ว การดำเนินการดังกล่าวนับว่า
เป็นที่พึงพอใจ อย่างยิ่งของญาติโยมในพื้นที่บริการ
การเคลื่อนตัวของวัดนาครินทร์ โดยการนำของหลวงพ่อ ได้ กระตุ้นชุมชนและหนุนโรงเรียน ให้มีการเรียนรู้อยู่เสมอ และเกิดความร่วมมือกันในหลายๆ ด้าน จนเรียกได้ว่า วันนี้ หลวงพ่อได้ ฟื้นฟู ระบบการทำงานแบบเดิม ที่เรารู้จัก ภายใต้ชื่อ สามเสาหลัก “บวร” บ้านอยู่ได้ วัดอยู่ได้ โรงเรียนอยู่ดี เพียงแค่นี้ก็เกิดชุมชนที่น่าอยู่ขึ้นได้แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น