การเปลี่ยนแปลงของสภาพทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
ล้วนส่งผลกระทบต่อ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
โดยเฉพาะราคาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นที่พึ่งของเกษตรกรบ้านเรา
ถ้าปีไหนราคาผลผลิตดีมีราคา ชีวิตเกษตรกร ก็มีความหวัง มีผลกำไรได้นำเงินไปใช้สอย ไปลงทุน
ไปชดใช้หนี้สิน พืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่เกษตรกรบ้านเรานิยมปลูก คงหนีไม่พ้น ข้าว อ้อย ยางพารา หลังจากฤดูกาลทำนา
บางแห่งก็นิยมปลูกมันสำปะหลัง บางทีก็เรียกว่า
มันซิ่ง ที่เรียกว่ามันซิ่งเพราะปลูกหลังนาอายุเพียง ๓ เดือน ก็เก็บเกี่ยวผลผลิต ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ราคาผลผลิตตกต่ำอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา มีเพียงราคาอ้อย เท่านั้นที่ยืนระยะ
รักษาราคาที่สมน้ำสมเนื้อให้เกษตรกร ได้ชื่นใจ เมื่อราคาผลผลิตราคาตกต่ำเช่นนี้
จึงได้เห็นภาพของเกษตรกรที่ต้องปรับเปลี่ยน กระบวนการผลิต ทั้งในแง่การลดต้นทุนการผลิต
หรือการผลิตพืชชนิดอื่นให้มีความหลากหลายเพื่อประกันความเสี่ยงให้แก่ตัวเอง
เพื่อสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ในฉบับนี้ ผู้เขียนขอนำท่านผู้อ่านไปพบกับชุมชนหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิต พลิกจากวิกฤติด้านราคาผลผลิตที่ตกต่ำ ไปสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างน่าสนใจ นายสมบูรณ์ ทองเต็ม ผู้ใหญ่บ้านเกษตรสมบูรณ์ หมู่ที่ 9 ตำบลเขิน อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ เล่าว่า ชุมชนแห่งนี้ ได้ร่วมกันการเพาะเห็ดฟางจากเปลือกมันสำปะหลังจะทำให้ได้เห็ดฟางดอกใหญ่ ทำได้ตลอดปี ถือว่า เป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ในขณะที่ราคายางพาราตกต่ำ ได้เรียนรู้จากสื่อสังคมออนไลน์ มาปรับใช้ในการประกอบอาชีพในชุมชน เริ่มต้นจาก เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ชุมชนแห่งนี้ เริ่มมีทดลอง เพาะเห็ดฟาง ใต้ร่มไม้ยางพารา ที่มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 100 ไร่ ผลจากการเพาะเห็ดฟางใต้ต้นยางพารานี้ สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ชาวบ้านอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งปกติการเพาะเห็ดฟางส่วนใหญ่จะเพาะกลางแจ้งและวัสดุที่ใช้กันเป็นหลักจะใช้ฟางข้าว แต่ในปัจจุบันมีการนำวัสดุการเกษตรที่เหลือใช้เช่น กากเปลือกมันสำปะหลังมาใช้ และได้ผลดี เพราะเห็ดฟางที่เพาะได้ดอกโตและเก็บได้นาน และเห็ดฟางในโรงเรือนสามารถเพาะได้ตลอดปี
นายสมบูรณ์
ทองเต็ม ผู้ใหญ่บ้านเกษตรสมบูรณ์ ร่วมกับชาวบ้านได้ชวนกันเพาะเห็ดฟางสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน
ปัจจุบันมีโรงเรือนมากกว่า 10
โรง กำลังสร้างใหม่อีกมากกว่า 5 โรง
ในแต่ละวันเก็บได้ประมาณ 100-150 กิโลกรัม
การจำหน่ายขายส่งกิโลกรัมละ 60 บาท และขายปลีกราคากิโลกรัมละ
70 บาท มีพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดอำเภอกันทรารมย์ และอำเภอกันทรลักษ์
มารับซื้อผลผลิตถึงสวน
วัสดุทีใช้เพาะ ได้แก่ กากเปลือกมันสำปะหลังจากโรงงานแป้งมันเส้น ฟางข้าว ขี้วัว แป้งข้าวเหนียว โมลาส จุลินทรีย์อีเอ็ม ภูไมท์ ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ,15-15-15 รำอ่อน อัตราส่วนกากเปลือกมันสำปะหลัง 1 ตันต่อวัสดุชนิดอื่นๆชนิดละ1กิโลกรัม หมักทิ้งไว้ 1 อาทิตย์
ทำความสะอาดโรงเรือนโดยการฉีดน้ำล้างโรงเรือนแล้วนำฟางวางไว้ตามชั้นให้มีความหนาประมาณ 10 ซม.และนำวัสดุที่หมักครบ7 วันไปวางไว้ความหนาประมาณ 10 ซม. แล้วรดน้ำ ใช้ผ้ายางปิดไว้ 1-2 วัน ห้ามเปิด ใช้เตาอบไอน้ำท่อยัดไอน้ำเข้าไป 3 ซม. ความร้อน 60 -70 องศาเซลเซียส เป็นการเชื้อโรคตาย 3 วันวันที่ 4 ปล่อยให้อากาศถ่ายเทแล้วจึงหว่านเชื้อเห็ดฟางบนชั้น หลังจากนั้น 3 วันรดน้ำ เปิดช่องลมไว้อีก 3 วัน จึงจะเริ่มเห็นเห็ดเป็นตุ่มๆหลังจากนั้น 7 วันสามารถเก็บเห็ดไปจำหน่ายได้สามารถเก็บเห็ดได้นาน 7-15 วันหลังจากเก็บครั้งแรก 1 โรงเรือนเก็บได้ประมาณ 150-230 กิโลกรัม/โรง/วัสดุ 3 ตัน รายได้เฉลี่ยเดือนละ40,000-50,000 บาท ต้นทุนการผลิตอยู่ประมาณ 25,000 บาท โรงเรือนสร้าง 1 ครั้งสามารถอยู่ได้นาน 3 ปีต้นทุนต่อโรงเรือน 15,000 บาท การเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร การเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนสามารถทำได้ตลอดปี แต่ในฤดูร้อนต้องใช้พัดลมช่วยในการระบายอากาศ
การปรับเปลี่ยนของชาวบ้านเกษตรสมบูรณ์
นับเป็นรูปแบบหนึ่งที่มีการปรับตัวให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการปรับตัวของเกษตรกรยุคใหม่
ที่สามารถใช้สื่อออนไลน์ เช่น Facebook
, YouTube มาใช้แสวงหาองค์ความรู้ แล้วนำองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์
ในการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ให้ครัวเรือนอย่างน่าสนใจ สำหรับท่านมีความสนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ติดต่อที่ นายสมบูรณ์
ทองเต็ม ผู้ใหญ่บ้านเกษตรสมบูรณ์ เบอร์โทรศัพท์ ๐๘๓๑๐๐๙๖๑๔
หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://kasetsomboon.blogspot.com
ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น